Source: (…….บางทีเงินอาจไม่เฟ้ออย่างที่คาด เพราะโลกมีวิธีกำจัดเงินส่วนเกิน แบบเบ็ดเสร็จ……..) – Pantip
ที่ผ่านมาทุกรัฐบาล เมื่ออัดฉีดเงินเข้าระบบหุ้นจะพุ่งขึ้นพองโต สักพักเขาก็จะกดตลาดลงอย่างรวดเร็วเพื่อให้เงินที่อยู่ในตลาดถูกขังไม่ให้มูลค่าออกมาเพิ่มปริมาณข้างนอกตลาด การทำแบบนั้นมันไม่ค่อยส่งผลดีต่อการลงทุน อีกทั้งเมื่อพิมพ์เงินมามาก ๆ หุ้นมันมีมูลค่าในตัวมันเอง เจ้าของหรือเจ้ามือก็จะชิงขายก่อนเอาเงินออกมาอยู่ดี ทำให้วิธีนี้ไม่ค่อยได้ผลในการกำจัดเงินเฟ้อ นอกเหนือจากเรื่องการกำกับอัตราดอกเบี้ยที่ทำเป็นปกติ
การที่เงินปั๊มเข้าระบบมามาก ๆ การออกกฎหมายให้เอาเงินไปเผาทิ้งมันเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นเรื่องนี้มันจึงมาถึงของเงินคริปโต เพราะเงินคริปโตไม่ได้ถูกกำกับจากรัฐบาล มันสามารถมีกฎการเผาเหรียญได้ นั่นก็หมายถึงการเผาสกุลเงินกระดาษแบบทางอ้อม
วิธีการมันก็มีหลากหลายรูปแบบ เช่นเหรียญถูกปั่นจนราคาสูงแล้วร่วงลงอย่างรวดเร็วขังมูลค่าเงินกระดาษไว้ตลอดกาล เพราะการที่จะเอาเหรียญนั้นดันราคากลับมาใหม่มันต้องใส่เงินเข้าไป คำถามคือแล้วใครจะเป็นคนใส่เข้าไป แล้วจ้าวมือคือใคร จับมือใครดมไม่ได้ คนของรัฐบาลเองหรือเปล่าที่เข้ามาปั่นเพื่อจะเผาเงินทิ้ง หรือเรียกอีกอย่างว่าดูดลงหลุม black hole ที่ไม่มีวันกลับมาได้อีก เพราะเหรียญมันไม่ใช่หุ้น มันไม่มีมูลค่าในตัวมันเองที่จะสามารถกลับขึ้นมาเองได้ตามผลการดำเนินงานของธุรกิจนั้น ๆ ตลาดคริปโตสามารถถูกควบคุมได้เบ็ดเสร็จ
หลายคนบอกว่า ตลาดคริปโตคือตลาดที่ไม่มีศูนย์กลาง อันนี้ไม่ผิด แต่สิ่งที่เขาคิดว่ารัฐควบคุมไม่ได้เป็นสิ่งที่ผิด การควบคุมตลาดคริปโตเขาไม่ได้ควบคุมเหรียญคริปโต แต่เขาควบคุมเหรียญที่เป็น stable coin หรือเหรียญที่ใช้แลกเงินกระดาษ การเข้าออกของเงินกระดาษไปเหรียญคริปโตจะผ่านทางเหรียญstable coin เป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นนั้นรัฐจึงไปดักทางช่องทางนี้ และนับเหรียญที่ออกไปฝั่งคริปโตว่ามีปริมาณเท่าไร สามารถควบคุมการเข้าอออกได้ด้วย กฎหมายปกติ วันนึงเมื่อปริมาณเหรียญที่ทำให้เกิดเงินเฟ้อ ไหลออกไปฝั่งคริปเป็นปริมาณมากพอแล้ว กฎหมายอาจจะถูกใช้เพื่อไม่ให้เงินไหลกับเข้ามาในฝั่งเงินกระดาษ นั่นหมายถึงเรามีเหรียญแต่จะไม่สามารถแลกเป็นเงินกระดาษได้แล้ว มันจึงเป็นการส่งเงินเฟ้อ เงินQE เงินปั๊มอัดฉีดทั้งหลายไปทิ้งในโลกคู่ขนาน หรือหลุมดำของเงินสกุลกระดาษทั่วไป โดยมันจะไม่สามารถกลับมาได้แบบปกติ นอกจากมันจะทำได้แค่ดำเนินกิจกรรมในโลกเงินคริปโตคู่ขนานไปกับสกุลกระดาษเท่านั้น
นับแต่ปี 19-21 ปริมาณเงินที่ปั๊มเข้าระบบมีมูลค่าเท่าไรเราก็คอยไปรวบรวม market cap ของสกุลเงิน stable coin รวมกัน ถ้ามันมีสัก 50% ของเงินที่อัดฉีดเข้าระบบ เราก็น่าจะคาดได้ว่าเงินมันออกไปมากแล้ว เหรียญคริปโตกำลังจะไม่มีมูลค่าอีกแล้ว ถึงตรงนั้นก็ตัวใครตัวมัน
จีนแบบคริปโตเพราะกลัวนักลงทุนเอาเงินหยวนไปช่วยซื้อดอลลาร์มามาเผาทิ้ง จีนฉลาดที่แบบคริปโตเพราะเห็นสิ่งที่รัฐบาลสหรัฐกำลังหลอกชาวโลกให้ช่วยกันซื้อเหรียญดอลลลาร์มาเผาในสกุลเงินคริปโต เพราะเหรียญที่มีมูลค่าส่วนใหญ่คือเหรียญที่สร้างโดยตลาดจ้าวอย่างสหรัฐ การที่เราจะซื้อเหรียญจึงต้องเอาเงินสกุลท้องถิ่นแลกเป็นเงินสกุล stable coin อย่างเช่น USDT BUSD เป็นต้น นั่นมันก็คือการช่วยซื้อเงินสกุลดอลลาร์ที่จะเป็นกระดาษชำระมาช่วยกันเผาทิ้งในตลาดคริปโต
เล่ามาทั้งหมด ก็เป็นเรื่องวิธีการกำจัดเงินที่มันล้นระบบทางอ้อม โดยใช้ตลาดและเหรียญคริปเป็นตัวกักเก็บเงินเฟ้อ หรือเงินปั๊มอัดฉีดจนล้นเกินในระบบให้กลับมาสมดุลย์อีกครั้ง หรือสกุลเงินดอลลาร์กลับมาผงาดอีกครั้ง
สรุปเล่ามาสั้น ๆ เน้นอ่านเข้าใจง่าย ๆ แบบไม่ต้องมีพื้นฐาน
สมาชิกหมายเลข 6179824
38 นาทีที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 4545834 ทึ่ง, flexible person ถูกใจ, tumbanna ถูกใจ, แจ้ห่ม47 ถูกใจ