เบญจภาคีคือพระเครื่องห้าชนิดที่ถือว่าเป็นสุดยอดของพระเครื่อง

พระเครื่องเบญจภาคี

Source: เบญจภาคี คือ พระเครื่องห้าชนิดที่ถือว่าเป็นสุดยอดของพระเครื่อง – ร้านแอมมิวเล็ทเซเว่น โดย พนม พระเครื่อง amulet7 : Inspired by LnwShop.com

พระชุดเบญจภาคี ถือว่าเป็นสุดยอดล้ำค่าเป็นอย่างมากของพระเครื่อง พระชุดเบญจภาคี ประกอบด้วย

1 พระสมเด็จวัดระฆัง เป็นตัวแทนยุค รัตนโกสินทร์

2 พระนางพญา เป็นตัวแทนยุคอยุธยา

3 พระกำแพงซุ้ม ก เป็นตัวแทนยุคสุโขทัย

4 พระผงสุพรรณ เป็นตัวแทนยุคอู่ทอง

5 พระรอด เป็นตัวแทนยุคลพบุรี

พระสมเด็จวัดระฆัง   สร้างโดยท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพุฒาจารย์(โต) พฺรหฺมรังษี ในสมัยรัชกาลที่ 4 ถ้าหาไม่ได้ก็อาจใช้สมเด็จบางขุนพรหมแทนได้ เนื่องจากเป็นพระที่สมเด็จฯ สร้างและปลุกเสกเช่นเดียวกัน พระสมเด็จเป็นพระเนื้อผงสีขาวหรือสีนวล พิมพ์สี่เหลี่ยม เนื้อแกร่ง นุ่มหนึก เป็นพระที่ได้รับความนิยม

เด่นทางด้าน พุทธคุณครอบจักรวาล เน้นบุญฤทธิ์ หนุนดวงชะตา เมตตามหานิยม แคล้วคลาดภัยพิบัติ คงกระพัน โชคลาภ ใครมี บารมีได้ไว้จะรุ่งเรืองไม่มีวันตกต่ำ

พระนางพญา   เป็นพระพิมพ์สามเหลี่ยม เนื้อดิน กรุวัดนางพญา พิษณุโลก เชื่อว่าสร้างในสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชา พระวิสุทธิกษัตริย์ ผู้ปกครองเมืองสองแคว ประมาณปี พ.ศ. 2112

เด่นทางด้าน พุทธคุณเป็นพระสร้างความเด่นด้านเมตตากรุณาและเป็นสวัสดิมงคล เน้นทางอิทธิฤทธิ์แกร่งกล้า คงกระพันชาตรี มิหวั่นเกรงคมศาสตราวุธ แคล้วคลาด ชนะศัตรู มีบารมี ผู้คนเกรงใจ

พระกำแพง   นิยมพระซุ้มกอ หรือพระลีลาทุ่งเศรษฐีเป็นพระกรุของกำแพงเพชร  ถ้าหาพระซุ้มกอไม่ได้อาจใช้พระกำแพงพลูจีบแทนได้ จากตำนานกล่าวไว้ว่าผู้สร้างคือฤาษี 3 องค์ สร้างถวายแก่พระยาศรีธรรมาโศกราชผู้ปกครองบ้านเมืองขณะนั้น เชื่อกันว่าสร้างในสมัยสุโขทัย พ.ศ. 1900

เด่นทางด้าน พุทธคุณเน้นทางโภคทรัพย์ เป็นมหาอำนาจวาสนาบารมี เป็นใหญ่กว่าคนทั้งปวง ไม่มีวันจน

พระผงสุพรรณ   เป็นพระพิมพ์สามเหลี่ยม ยอดตัด เนื้อดิน พบในกรุพระปรางค์วัดพระศรีมหาธาตุ สุพรรณบุรี  ผู้สร้างไม่ปรากฏแน่ชัด แต่จากตำนานเล่าว่า สร้างมาจากฤาษี 4 องค์

เด่นทางด้าน พุทธคุณเน้นด้านเมตตาบารมี การเป็นผู้นำ น่าเกรงขาม คงกระพัน การมีโชค โภคทรัพย์ ความมีเสน่ห์ ขจัดทุกข์ ความสงบ หนักแน่น มหาอุด เมตตามหานิยม

พระรอดกรุวัดมหาวัน ลำพูน มีประวัติเก่าแก่  ตำนานกล่าวว่า พระนารทะ (ชื่อฤาษีผู้สร้าง) สร้างในสมัยทวาราวดีมี ในสมัยพระนางจามเทวีปกครองเมือง ประมาณปี พ.ศ. 1223

เด่นทางด้าน พุทธคุณเน้นเมตตามหานิยม อยู่ยงคงกระพัน อุดมด้วยโภคทรัพย์ ร่ำรวยทรัพย์ เด่นทางแคล้วคลาด คุ้มภัย

นอกจากนี้แล้วยังมีอุปเท่ห์ของพระแต่ละองค์ที่น่าสนใจ เช่น พระพระกำแพงซุ้มกอ เป็นพระพุทธคุณนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะพระกำแพงซุ้มกอ มีครบเครื่องไม่ว่าเรื่องเมตตามหานิยม แคล้วคลาด ตลอดจนเรื่องโชคลาภ จนมีคำพูดที่พูดติดปากกันมาแต่โบราณกาลว่า “มีกูแล้วไม่จน” ประกอบกับพระกำแพงซุ้มกอ ถูกจัดอยู่หนึ่งในห้าของชุดเบญจภาคี ความต้องการของนักนิยมพระเครื่องจึงมีความต้องการสูงเพราะทุกคนต้องการแต่พระกำแพงซุ้มกอทั้งนั้น ราคาเช่าหาจึงแพงมาก และหาได้ยากมากด้วย ถ้าไปในที่ต่างๆ อยากกินน้ำ หาน้ำไม่ได้ ท่านให้อาราธนาพระใส่ไว้ในปาก หายอยากน้ำแล ถ้าเอาพระไว้บนศีรษะแล้ว ปืนแลหน้าไม้ยิงมาเป็นห่าฝนก็ไม่ถูกตัวเรา เป็นต้น

ในขณะที่พุทธคุณของพระผงสุพรรณ กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.สุพรรณบุรี เป็นที่เลื่องชื่อลือชาตั้งแต่โบร่ำโบราณ ซึ่งปรากฏในจารึกลานทองที่ได้จากกรุและถูกคัดลอกออกเป็น 6 สำเนา กล่าวถึงกรรมวิธีการสร้าง และ “อุปเท่ห์” อันหมายถึงวิธีการอาราธนาองค์พระเพื่อให้ท่านช่วยเหลือในสถานการณ์ต่างๆ เช่น แม้อันตรายสักเท่าใดก็ดีให้นิมนต์พระใส่ไว้บนศีรษะหรืออาราธนาผูกไว้ที่คอ อันตรายทั้งปวงหายสิ้น แล ถ้าจะเข้าการรณรงค์สงคราม ให้เอาพระสรงน้ำมันหอม เสกด้วยนวหรคุณ แล้วเอาน้ำมันหอมมาใส่ผม ไปได้สำเร็จความปรารถนาแล